ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๔-๕ จักรวรรดิโรมันได้ถูกรุกรานจากเผ่าอนารยชนหลายเผ่าอนารยชนเหล่านี้ได้อพยพเข้ามาตั้งหลักแหล่งในดินแดนส่วนต่างๆของจักรวรรดิโรมันตะวันตก จักรพรรดิโรมันพยายามสร้างความเข้มแข็งให้จักรวรรดิโรมันที่กว้างขวางยิ่งใหญ่ให้คงอยู่ด้วยการแบ่งจักรวรรดิออกเป็น ๒ ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก มีเมืองหลวงที่กรุงโรมและจักรวรรดิโรมันตะวันออกมีเมืองหลวงที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล แต่ก็ไม่สามารถทำให้จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้ อนารยชนได้รุกรานจักรวรรดิโรมันหลายครั้งจนกระทั่งใน ค.ศ. ๔๗๖ แม่ทัพเผ่าเยอรมันได้ปลดจักรพรรดิองค์สุดท้ายของ จักรวรรดิโรมันตะวันตกลงถือเป็นการสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันตะวันตก ดินแดนยุโรปตะวันตกจึงได้แตกแยกเป็นอาณาจักรของอนารยชนเผ่าต่างๆทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมในจักรวรรดิ โรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) ยังดำรงสืบต่อมาอีกเกือบ ๑,๐๐๐ ปีจนกระทั่งล่มสลายใน ค.ศ. ๑๔๕๓ การที่จักรวรรดิไบแซนไทน์ยังคงดำรงอยู่ต่อมา นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออารยธรรมตะวันตก เนื่องจากจักรวรรดิแห่งนี้ได้ถ่ายทอดมรดกทางอารยธรรมกรีก-โรมันในด้านต่างๆในเวลาต่อมา