กระแสเลือด
" ชายหนุ่มที่ทำเรื่องผิดกับภรรยาของตัวเอง
เพียงเพราะต้องการให้เลือดของเขาสูบฉีดอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ""
รู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง ปั๊บ ดูเหมือนจะงีบหลับไป เมื่อลืมตาขึ้น เห็นสัญญาณไฟแจ้งเตือนให้รัดเข็มขัด ได้ยินเสียง แอร์โฮสเตสพูดว่า
“เครื่องบินกำลังลดระดับลงค่ะ”
ฟุมิยะ บิดขี้เกียจโดยยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ชวนอึดอัด แนบแก้มกับหน้าต่าง ทรงกลมในเครื่องบิน ด้านนอกปกคลุมไปด้วยความมืดสนิท ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่มองเห็นอยู่เบื้องล่างเริ่มแจ่มชัดขึ้นจาก ที่เห็นเป็นจุด ๆ ปลายทางคงเป็นทะเลเต็มไปด้วยดวงไฟของ มหานครโตเกียวซึ่งดูคล้ายกล่องอัญมณีที่คว่ำลง ในที่สุดก็กลับ มาถึง ช่างเป็นหนึ่งวันที่แสนยาวนาน
คุณเข้าใจใช่ไหม ฉันเองก็ต้องการเวลาอีกหน่อยนะ จู่ๆก็นึกถึงเสียงเรโกะขึ้นมา เธอกัดริมฝีปากด้วยสีหน้า หงุดหงิดปนสิ้นหวังขณะอุ้มมิตสึยะตัวน้อยเอาไว้
“สมองฉันเข้าใจนะ แต่ตรงนี้ตรงนี้ยังคงรับไม่ได้”
เรโกะแนบมือขวาตัวเองกับอกขณะพูดด้วยน้ำเสียงอัดอั้น ดันใจ ฟูมิยะมองลูกชายเพียงคนเดียวหลับอยู่ในอ้อมแขนเธอหลางพูดได้เต็มที่แค่ว่า
“เออคิดจะทำยังไงกันد”
“จะทำยังไงเหรอ ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่า จะปล่อยให้เขากลายเป็นเด็กไม่มีพ่อไปแบบนี้หรอก”
เรโกะถอนหายใจอย่างเจ็บปวด จ้องหน้าลูกชายเพียง คนเดียวแล้วพูดกับเขาว่า
“เนอะ”
พลางปิดผมบางที่ปรกหน้ายกก กลมเล็ก ๆ อย่างเบามือ จากนั้นก้มหน้าพึมพำว่า
“เป็นเพราะฉันเหรอ"
เป็นเพราะฉันใช่ไหม ฉันไม่ดีเหรอแม้กระทั่งขณะที่ก้มมองแสงไฟในเมืองอยู่ตอนนี้ น้ำเสียง สิ้นหวังของเรโกะยังคงติดแน่นอยู่ในหู ฟุมิยะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า เธอหวังจะได้ยินเขาพูดว่า มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง แต่พอถูก ตั้งคำถามแบบนั้นเข้า ฟุมิยะเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน แต่ฟุมิยะ ก็ตอบเธอว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ผมเป็นคนผิดเองทั้งหมดแน่นอนอยู่แล้ว ถึงได้มาขอโทษ คุณไง นะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
แต่จนแล้วจนรอดเรโกะก็ไม่พยักหน้ารับ
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานนักหรอก ไม่ได้บอก ความจริงพ่อแม่สักอย่าง ไม่อยากให้พวกเขามโนไปคนละเรื่อง และไม่อยากถูกจี้ถามที่มาที่ไปด้วย”
เธอเอาแต่บอกว่า อยากใช้เวลาทำใจเย็นๆ ค่อยๆคิด อีกหน่อย สุดท้ายฟุมิยะพูดไม่ออก ได้แต่ยืนคอตกไม่รู้จะทำ อย่างไรดี เห็นหน้าแม่ผุดขึ้นมา แต่จะดึงดันลากคนที่เขาไม่อยาก กลับให้กลับไปด้วยก็ทำไม่ได้
“แม่ก็เป็นห่วงคุณนะ”
สุดท้ายเขาพูดออกมาได้แค่นั้น เรโกะฟังแล้วพึมพำด้วยสีหน้าระอักกระอ่วนใจว่า
“เหรอ"
“ฉันก็รู้สึกผิดกับคุณแม่ แต่ -”
“ผมเข้าใจ เรื่องนั้นผมจะจัดการเอง”
ดูเหมือนพ่อแม่เรโกะคิดว่าฟุมิยะจะค้างคืน จึงเตรียม มื้อค่ำไว้ด้วย พอฟุมิยะตั้งท่าจะกลับ พวกเขาก็กุลีกุจอจะรั้งไว้ แต่เรโกะไม่พูดไม่จา พวกเขาจึงทำหน้าเขื่อน ๆ ใส่กัน ฟุมิยะ พยายามปั้นหน้าเข้าหาพวกเขาให้ดูดีที่สุด ค้อมศีรษะบอกว่าฝาก เรโกะด้วย ก่อนสาวเท้าหนัก ๆ เดินออกมาจากบ้านพ่อแม่ภรรยา ขณะนั้นท้องฟ้ายังมีแสงสว่างเพียงพอ เป็นช่วงที่กลางวัน ยาวนานที่สุดของปี และฟุกุโอกะตะวันตกดินช้ากว่าโตเกียว อย่างเห็นได้ชัดท้องฟ้ายามค่ำคืนเปล่งแสงวาววับแผ่ตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น ดูราวกับมหาสมุทรเปล่งประกายแสงจนแสบตา ฟุมิยะเหม่อลอย คิดว่า แสงแต่ละดวงคงเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงกิจกรรมต่างๆ ของ มนุษย์เป็นไปได้หรือไม่ที่ทุกอย่างจะจบลงไปแบบนี้ อุบัติเหตุ เพียงครั้งเดียวจะตัดขาดทุกสิ่งไปจากชีวิตที่เขาสั่งสมมาตลอด อย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องกลับไปใช้ชีวิตกับแม่สองคน ตามเดิม และชีวิตหลังจากนี้ของตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไปทิวทัศน์ด้านนอกที่มองเห็นค่อย ๆ ขยายตัวขึ้น ฟุมิยะรู้สึก ว่าตัวเองถูกกลืนกินไปในทะเลแห่งแสง จากนั้นไม่นานเขารู้สึก ถึงแรงกระแทกเบาๆ เครื่องบินลงจอดที่สนามบินฮาเนดะ แทบจะตรงตามกำหนดการ ฟุมิยะดึงสายตากลับสู่ความเป็นจริง ทิ้งความคิดต่าง ๆ เอาไว้บนท้องฟ้า คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา...แค่ปลอบแม่ก็ต้องใช้พลังงานมากโขแล้ว