คาง
" เด็กหนุ่มถูกรังแก จึงเลือกที่จะลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง วันหนึ่ง หลังจากถูกนักเลงอัดจนสะบักสะบอม เขาเจอกับ ชา
ยคนหนึ่งที่บอกกับเขาว่า ถ้านายถูกอัดให้ชัดเข้าที่คางของคู่ต่อสู้ หลังจากนั้
นเขาไปค่ายมวยเพื่อฝึกซ้อมมวยและทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วเรื่องราวพิศวงในชีวิตของเด็กหนุ่มก็เริ่มต้นขึ้น "
ดาวสีดำลอยอยู่ตรงหน้า ดาวดวงนั้นเข้ามาบังลำแสงซึ่งเคลื่อน ผ่านตาที่เปิดอยู่อย่างเหม่อลอยทำให้เห็นภาพบิดเบี้ยว
“เจียมกะลาหัวเสียบ้าง”
น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมีเสมหะติดคอฟังดูใกล้จนน่าตกใจ
“จะมาหือกับกูยังเร็วไปสิบปี ไม่เคยเจอเด็กเปรตสันดานเสีย อย่างมึงมาก่อนเลยว่ะ”
อยากตะคอกใส่ว่า
“หนวกหูน้อย”
แต่ความรู้สึกที่โดนหมัด ลูกท้องเมื่อกี้ยังคาอยู่ที่เดิมจนหายใจไม่ทั่วท้อง ระยำเอ๊ย ทำไม ถึงเป็นแบบนี้ตลอดวะ
“คนอย่างมึงลาออกไปเหอะ แล้วจะไปที่ชอบ ๆ ที่ไหนก็ไสหัว ไปซะ”
หลังจบประโยคเห่ย ๆ ที่คนนิยมพูดกัน เขาโดนกระทืบ ใส่หลังเต็มรักปิดท้าย จากนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป เหลือเพียงความรู้สึกสาก ๆ บนพื้นคอนกรีตเย็นยะเยือกสัมผัส ถูกแก้ม
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ได้ยินน้ำเสียงไม่คุ้นหูดังขึ้น ขณะที่เขานอนกองอยู่กับพื้นในสภาพที่ไม่รู้ว่าอยู่ในความฝัน หรือเป็นเรื่องจริง และคิดในใจว่าถ้าหลับไปทั้งแบบนี้ได้ก็คงดี อย่ามาพูดกับฉัน ปล่อยฉันไว้แบบนี้เหอะ อยากตอบกลับแบบนี้ แต่เขาทำได้เพียงส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อสมองเบลอเริ่มกลับมา ได้สติ ก็เริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดตุบ ๆ แล่นไปทั่วร่าง แก้ม ท้อง หลัง ขา ข้อศอก ราวกับชิ้นส่วนของหัวใจที่ฉีกขาด กระจัดกระจายไปทั่วร่างเริ่มเต้นตามจังหวะชีพจร
“เป็นยังไงบ้าง เรียกรถพยาบาลดีมั้ย”
อย่ามาล้อเล่นนะ ไม่ต้องมาทำเป็นใจดีเรียกรถพยาบาลให้ หรอก ยังไงถ้าเรื่องรู้ถึงที่ทำงานเขาต้องโดนประธานบริษัทต่อว่า ยกใหญ่ ร้ายกว่านั้นต้องถูกหักเงินเดือนล่วงหน้าเป็นค่ารักษา พยาบาลแน่นอน สำหรับอัตสึชิซึ่งไม่ได้ประสบชะตากรรมแบบนี้เป็นครั้งแรกในคืนนี้ ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
“ฉันจะเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ แข็งใจไว้นะ”
คนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกำลังพูดจาร้อนรนอยู่คนเดียว โช่ร้อย ยุ่งยากเป็นบ้า อัตสึชิพยายามวางมือบนพื้นคอนกรีต จังหวะเดียว กับที่ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพอดี เขาหันมามอง อัตสึชิ แน่นอนว่าอัตสึชิไม่รู้จักคนหน้าตาแบบนี้ เขาสวมสูท ผูกเนกไท ดูยังไงก็น่าจะเป็นพนักงานกินเงินเดือนชั้นดีที่มีอยู่ ทั่วไป
“ได้สติแล้วเหรอ ค่อยยังชั่ว”
จู่ๆ ก็นึกถึงพี่ชายคนโตขึ้นมา พี่ชายสารเลวที่ทอดทิ้งแม่ กับอัตสึชิไป ทำเป็นพูดจาสวยหรู เอาเข้าจริงสุดท้ายแค่พูดทิ้งท้ายก่อนจากไปว่า
“ผมจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง”
ตอนนี้คงใช้ชีวิต สงบๆ อยู่ในเมืองที่ไหนสักแห่ง ทำท่าทำทางดูเอายาวเอางาน เหมือนมนุษย์เงินเดือนคนนี้ไม่ผิดแน่ ยังไงก็เป็นพี่ชายที่เห็นว่า ตัวเองฉลาดหน่อยเลยทำอวดเบ่ง ทำเหมือนแม่กับอัดสีซิเป็นสิ่ง น่าอับอาย วันๆ เอาแต่พูดว่า
“อยากมีความมั่นคง”
ไม่ก็
“อยาก เป็นเหมือนคนทั่วไป”
“เป็นอะไรมากมั้ย เอ้า ฉันช่วยอีกแรง”
อัตสึชิปัดมือมนุษย์เงินเดือนที่ยื่นมาให้ ก่อนลุกขึ้นยืน แบบโซซัดโซเซ
“โดนใครทำร้ายมา ผู้ใหญ่บางคนก็ใจร้ายนะ โดนหาเรื่อง เหรอ โดนไถเงินหรือขโมยของไปหรือเปล่า”
ขอร้องละ อย่ามาคุยกับฉัน อย่าเข้ามาใกล้เลย ไม่อย่างนั้น ตัวอัตสึชิเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจจะทำอะไรลงไปก็ได้ เขาถ่มน้ำลายปนเลือดใส่เท้าของมนุษย์เงินเดือนคนนั้น แล้วเริ่มออกเดินกะโผลกกะเผลกพลางกดท้องที่ยังเจ็บอยู่
“อะไรกัน คนเขาอุตส่าห์พูดด้วยความหวังดีแท้ๆ”
ได้ยินเสียงด่าทอไล่หลังดังมาตามคาด
“เป็นเด็กเป็นเล็กมาเดินป้วนเปี้ยนข้างนอกยามวิกาลถึงได้ โดนแบบนี้ไง”
ทำเป็นพูดดีด้วย แต่พอไม่ถูกใจขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวก็ เปลี่ยนมาพูดจาแบบนี้แล้วหรือ อัตสึชิหันกลับไปมองโดยไม่ตั้งใจ เห็นมนุษย์เงินเดือนอายุราวสามสิบปีทำหน้าตาหวาดกลัวขึ้นมา แวบหนึ่ง ก่อนพูดทิ้งท้ายว่า
“คนที่บ้านเป็นห่วงอยู่นะ”
จากนั้น กลับหลังหันเดินจากไป
“เสือกชะมัด”