ขวัญ
" ชายหนุ่มที่รู้สึกว่าตัวเองผมบาง จึงทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ผมกลับมาดกหนาเหมือนเดิม เพราะกลัวแฟนสาวจะทิ้งไป ""
รู้สึกถึงบางอย่างตกแหมะลงบนศีรษะ ขณะยืนรอสัญญาณไฟ สำหรับคนข้ามอยู่หน้าทางม้าลาย เขาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า โดยอัตโนมัติ เมฆสีเทาหนาปกคลุมทั่วท้องฟ้า ดูแล้วฝนทำท่า จะตกลงมาได้ทุกเมื่อ แต่เพ่งมองจากใต้เงาตึกยังคงมองไม่เห็น เม็ดฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้ามืดครื้มอยู่ดี
“อากาศแบบนี้แต่ก็ยังจัดงานแต่งงานกันรัวๆ เซ็งชะมัด ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีข้อเสียแบบนี้อยู่ในที่ทำงานที่มีผู้หญิงเยอะ”
ได้ยินเสียงถอนหายใจห่อเหี่ยวดังขึ้นข้างตัว เขาหันไปมอง เห็นใบหน้าของคิคุกะเบะปากเล็กน้อยอยู่เฉียงลงไปด้านล่าง ช่วงไหล่ของเขา อากาโอะ มาซาโอะ มองใบหน้าเธอแล้วอมยิ้ม
“ซื้อเสื้อผ้าทางการไปเยอะแยะก็เอามาใส่เวลาปกติไม่ได้ อยู่ดี ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำในช่วงเศรษฐกิจแย่เลย แถมยังต้อง ใส่ซองอีก เซ็งชะมัด”
เธอจะบ่น
“เซ็ง”
ทุกครั้งที่เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยหรือ เพื่อนร่วมงานแต่งงาน มาซาโอะรู้ดีว่าเธอไม่ได้แค่เจาะจงบ่นเพราะว่าต้องคอยซื้อเสื้อผ้าใหม่ ความร้อนรนว่าถูกเพื่อนแซงหน้า แต่งงานไปก่อนคือสิ่งที่ทำให้เธอเซ็งต่างหาก
“ผู้ชายจะงานไหนก็ใส่สูทตัวเดิมได้แท้ๆ”
ถึงอย่างนั้นมาซาโอะก็จงใจทำทีเป็นไม่รู้ถึงสาเหตุความเชิง ของเธอ โดยตรงว่า บางครั้งมาซาโอะก็ตกเป็นเป้าความหงุดหงิดของเธอ คิดจะให้ฉันรอดูเพื่อน โดยถามไปเรื่อย ๆ แบบนี้หรือ เพราะ แต่มาซาโอะก็เลี่ยงไปเรื่อย ตัวเขาเองยังไม่อยากแต่งงาน
“ประเด็นนี้ผู้ชายสบายไปเนอะ ขอแค่รูปร่างไม่เปลี่ยน ก็ใส่ชุดเดิมได้ตลอดทุกงาน”
เอาแล้วไง เริ่มพาลใส่อีกแล้ว อุตส่าห์ออกมาซื้อของด้วย ขณะที่มาซาโอะเริ่มคิดว่าถ้าไม่ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นเสียแต่ตอนนี้ คงน่าเบื่อไปกันใหญ่ จู่ๆก็รู้สึกว่ามีเม็ดฝนตกลงบนศีรษะอีกครั้ง เขานึกว่าฝนเทลงมาแล้วจริงๆ แต่คิคุกะยังคงทำปากยื่นดูเหมือน ไม่รู้ตัวเลยว่าฝนตกแล้ว
“ไม่ต้องแต่งหน้าด้วย สบายดีเนอะ”
สัญญาณไฟจราจรสำหรับคนข้ามเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผู้คน ที่ถูกให้หยุดรอต่างพากันออกเดินในจังหวะเดียวกัน ช่วงบ่าย วันหยุดในเมืองคึกคักพอสมควร แต่สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้ บรรยากาศดูเหงาหงอยอย่างบอกไม่ถูก สายลมชวนให้รู้สึกถึง กลิ่นอายฤดูหนาวพัดผ่านช่องว่างระหว่างตึก วันแบบนี้มาเดิน ช็อปปิงในเมืองอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไปขับรถเล่นไกลๆ เย็นวานคิคูกะโทรศัพท์มาบอกว่า อยากเปลี่ยนรูปแบบเดตวันนี้ จากขับรถเล่นเป็นช็อปปิงแทน
“ความจริงฉันกะว่าจะไปซื้อเอาเท่าที่หาได้หลังเลิกงาน แต่ไม่มีเวลา พอลนแล้วก็หาชุดถูกใจไม่เจอ เลยคิดว่าอยากให้ใคร สักคนช่วยดูดีกว่าจริงมั้ย ถ้าให้เพื่อนที่ทำงานช่วยดูก็รู้หมดว่า ฉันจะใส่ชุดไหนไป เลยคิดว่าให้มาดุงช่วยดูน่าจะดีที่สุด ชุดที่ มาคุงช่วยเลือกให้ครั้งก่อนมีแต่คนชมด้วย”
มาซาโอะตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“เอาสิ”
จากนั้นทั้งคู่ จึงออกมาเดินด้วยกันแบบนี้
ก่อนหน้านี้มาซาโอะเคยคิดว่า ไม่มีสิ่งใดยุ่งยากเท่าการไป เดินช็อปปิงกับผู้หญิงอีกแล้ว ถึงเขาจะรู้ดีว่าเงื่อนไขการเป็นหนุ่ม เนื้อหอม ความอ่อนโยนเข้าวินมาเป็นอันดับหนึ่ง กระนั้นเขา ก็ไม่เคยนึกอยากจินตนาการภาพตัวเองเดินตามกันผู้หญิงต้อย ๆ แต่พอเริ่มคบหากับคิคุกะ ไม่รู้ทำไมเขาถึงถูกลากไปไหนมาไหน ด้วยทุกที่ ด้วยคำพูดของเธอที่ว่า “ก็ฉันอยากไปกับมาคุงนี่นา” และน่าประหลาดใจที่เขาไม่รู้สึกลำบากกับการทำสิ่งเหล่านั้นเลย อาจเพราะคิคุกะอ้อนเก่ง และเธอเห็นคุณค่าในความเห็นของ มาซาโอะเสมอ
“มาคุงเซนส์ดีเนอะ”
ไม่ก็
“ดีจังที่คุณยอมมาด้วย”
อีกทั้งการที่เขารู้สึกว่าเป็นที่พึ่งพาให้เธอได้ ทั้งที่เธออายุมากกว่า เขาหนึ่งปี ก็ถือเป็นความแปลกใหม่สำหรับมาซาโอะ ทั้งยังเป็น ตัวกระตุ้นให้รู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วย
“อ้าว ฝนตก”
คิคุกะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกไปก่อนจะข้ามถนนถึงอีกฟาก หนึ่ง เธอยื่นมือเล็กขาวผ่องออกมาข้างหน้าเพื่อรองรับน้ำฝนและ แหงนหน้ามองท้องฟ้า ช่วงเวลาเดียวกันมาซาโอะก็ได้ยินเสียงพูด จากด้านหลังว่า
“อ้าว ฝนตกเหรอเนี่ย”
คราวนี้ความซึมเซา เกิดขึ้นในใจของมาซาโอะแทน
“ทำยังไงดี ฉันไม่ได้พกร่มมา”